I Love Dollars เรื่องสั้นขนาด 40 กว่าหน้าของนักเขียนจีนแผ่นดินใหญ่ Zhu Wenซื้อมาเพราะเห็นลดราคาถูก ๆ เนื้อเรื่องก็ไม่น่าจะชอบได้ พวกที่ออกแนว comedy หรือ satire หน่อย ๆ แต่แค่อ่านสามประโยค ทนไม่ไหว รีบอ่าน จนจบแทบไม่ทัน
เรื่องนี้เราน่าเอามาแปล คนไทยน่าจะอ่านเพลิน สนุก มันให้อารมณ์ร่วมสมัยดี ฉบับแปลภาษาอังกฤษของเพนกวิน ปี 2007 แต่อ่านตอนนี้ก็ไม่เชย เรื่องมันนิดเดียว แต่ใช้ภาษาได้เปรี้ยวแทงถึงใจ
คนแต่งกลายไปเป็นผู้กำกับหนังเสียแล้ว หนึ่งในผู้กำกับจีนรุ่นที่ 6 รุ่นเดียวกับ เจี่ยจางเคอะ ในเรื่องมีฉากตัวละครไปดูหนังน้ำเน่าที่เขียนบทโดยคนชื่อเดียวกับคนแต่ง บรรยายได้แจ่มจริง
เขียนไว้ที่ - นิมิตวิกาล - http://twilightvirus.blogspot.com/2010/10/thomas-mao-zhu-wen.html

Joyce Carol Oates ความเข้มของนักเขียนเก่าแก่ลายครามคือไม่ต้องกลัวว่าต้องทำตัวให้เท่หรือดูนำสมัย แปลกใหม่อยู่เสมอ เธอคงยังชอบเขียนเรื่องของแรงดึงดูดระหว่างหญิงสาวและผู้ชายอยู่เหมือนเดิม คราวนี้บทผู้ชายหนุ่มลดรูปไปเป็นรอง กลายเป็นหญิงสาวกับคนแก่ที่มาเป็นบทนำ เนื้อเรื่องเธอก็ธรรมดาแบบที่ใครก็ต้องบอกคาดเดาได้ไม่กี่อย่าง แต่โครงสร้างของเรื่อง รายละเอียดของตัวละคร และภาษาของเธอโคตรชัวร์ บางอย่างประโยคบอกเล่าที่เหมือนธรรมดา บ่อยครั้งที่อ้างอิงถึงลักษณะแบบเทพนิยาย หรือโคลงกลอนโบราณ (ตามชื่อเรื่อง) มันทำให้คนอ่านแคร์กับตัวละครพวกนี้จริง ๆ เรารู้สึกเข้าใจผู้หญิงคนนี้มากพอ กระทั่งกับการตัดสินใจบื้อ ๆ ของนางเอก คนแต่งสามารถทำให้ตัวละครเด็กสาวที่มีเสน่ห์ แต่ยากจน จำต้องทำสิ่งที่ไม่ต้องการนั้นไม่ออกมาดูเป็นเรื่องที่ไม่มีที่มาที่ไป
ครูผู้นี้เป็นกวีผู้อ่อนไหวและอารมณ์โรแมนติกยิ่งนัก เธอเริ่มเขียนบทกวีเมื่ออายุยี่สิบ และบัดนี้อาชีพของเธอก็จบลงในวัยสามสิบห้าปี
บางส่วนจากเรื่องสั้นของ Mario Vargas Llosa เจ้าของ Nobel สาขาวรรณกรรม 2010
Keenu Reeves (Speed, A Scanner Darkly), Barbara Hershey (The Entity, Portrait of a Lady), Peter Falk (สารวัตร Columbo, Wings of Desire) 3 ดาราดังจากหนัง Tune in Tomorrow (ชื่อไทยว่า – สื่อรักจุ้น จูนหัวใจให้ลงเอย) ที่สร้างจากนิยายดังเรื่อง Aunt Julia and the Scriptwriter ของ Mario Vargas Llosa นักเขียนเปรูที่ชนะรางวัลNobel Prize ปีล่าสุด
กล้อง ฟูจิ ไร้กระจกตัวแรก (สไตล์กล้องเก่าคลาสสิก) - Fujifilm FinePix X100
ช่วงนี้กลับมานึกถึงหนังสือจดหมายของ แวน โก๊ะ อีกครั้ง เสียดายที่จนแล้วจนรอดก็ทำออกมาไม่เสร็จ อุตส่าห์ตรวจต้นฉบับไปสามสี่เดือน หนักใจกับการแปลของพี่ขวดมาก แต่ตลกดีที่อีกคนที่แปลลงในปาจารยสารก็แปลผิดบางจุดในที่เดียวกัน ถ้าทำออกมาเป็นหนังสือปกแข็งจริงอย่างที่พี่ขวดว่าคงดีมาก เสียดายโอกาส เสียดายความตั้งใจ แต่ก็นะถ้าทำเสร็จจริงต้องเหนื่อยมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเอาเข้าจริงสำนักพิมพ์จะถอยหลังเอาดื้อ ๆ หรือเปล่า ขนาดของมูลนิธิเด็ก ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นออกมา
.bmp)