My Sassy Book ตอน 46: Thief
นิยายของ Maureen Gibbon
"You can't do anything for me or with me to make up for your crime. Nothing. There is no trading on sorrow."
คนที่ดูหนังหรืออ่านหนังสือมักจะหลงภูมิใจเวลาเจอของโดนใจด้วยการค้นพบเอง ไม่ใช่จากใครที่ไหนกระซิบบอก หรืออ่านจากใครแนะนำ เยส หนังสือเล่มโปรดที่ข้าค้นพบเองโว้ย ไม่มีใครแถวนี้เคยพูดถึงให้ได้ยินโว้ย แต่ก็นะ มีหรือของที่ไม่มีใครเคยเขียนถึง เหอะ จริงแท้ยังไง ข้าก็ขอให้ได้อ้างสักครั้งว่าข้าค้นพบของข้าเองละกัน
อะไรดลใจให้หยิบเล่มนี้เมื่อวันคริสต์มาสอีฟปีที่แล้ว แถมยังพิเศษจรงที่รีบอ่านทันทีไม่มีดอง อ่านจบก่อนฉลองปีใหม่เสียด้วย อ่านติดแหน็บ ไม่ได้อ่านฝืด งง ๆ เหมือนเล่ม The End of Alice ของ A. M. Homes และแม้ว่าพล็อตนิดหนึ่งจะชวนนึกถึงหนังอย่าง The Paperboy แต่ที่สุดมันก็คนละทางกันเลย
ซูซานน์ ใน Thief นี้ไม่ใช่ผู้หญิงแบบ นิโคล คิดแมน ใน The Paperboy แน่ ๆ นิโคลทำแกร่ง กร่าง หยาบ แต่ที่แท้ไม่แกร่งจริง และไม่ได้มีตัวตนเพียงพอที่จะยืนเองได้ ซูซานน์ ไม่ได้แกร่งอะไรเกินผู้หญิงจริง ๆ แต่เธอผ่านการต่อสู้ภายในที่หนักหนากว่าเยอะ การที่เธอเคยโดนข่มขืนทำให้เธอคิดหนักกว่าในการจะสานสัมพันธ์กับผู้ชายสักคน และกับผู้ชายที่เป็นนักโทษในคุก และหนำซ้ำติดคุกในคดีข่มขืนด้วย ยิ่งต้องคิดสามตลบตบหนัก
เรื่องราวที่วนเวียนอยู่กับสัมพันธ์คืบหน้าในคุกของผู้เยี่ยมและผู้ถูกเยี่ยม ผู้กระทำและผุ้เคยโดนกระทำ คำถามซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ในคำว่า "เหยื่อ" เรื่องราวที่เข้มข้นและร้อนผ่าวจนกรงขังแทบละลาย ที่ทำให้ซูซานน์ และคนอ่านต้องทบทวนบทบาทและคตินิยมซ้ำ ๆ
เข้มข้นและลุ้นระทึกทุกบทขริง ๆ อ่านเสร็จรีบค้นข้อมูลดู อ้อ คนเขียนเอาชีวิตส่วนตัวเองจริง ๆ มาเขียนเยอะมาก สัมพันธ์อันตรายที่สุดบ้าบิ่นหลายๆ เรื่องที่ ซูซานน์ เคยทำในหนังสือ เธอก็เคยทำมาเกือบหมดแล้ว แต่นั่นแหละ เธอไม่โทษใคร เหตุผลหลายสิ่งในหลายเรื่องมันประกอบจากหลายสถานเกินกว่าจะโทษเพียงฝั่งใคร