10.7.56

My Sassy Book ตอน 48: All Men of Genius โดย Lev A. C. Rosen


My Sassy Book ตอน 48: All Men of Genius โดย Lev A. C. Rosen




นี่เป็นนิยายที่สีสันแพรวพราว ฉลาด ลูกล่อลูกชน แม้จะมากด้วยพล็อตและตัวประกอบเพียบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต้องระแวงว่าความเป็นวรรณกรรมของมันน่าสงสัย หวังจะถูกซื้อไปทำหนังจนเกินเหตุ

ในยุควิคตอเรียนที่เป็นจริงเพียงส่วนเสี้ยว ตามจินตนาการผสมผสานอนาคตแบบนิยาย Steampunk 

ไวโอเล็ต กับ แอชตั้น เป็นวัยรุ่นชายหญิงฝาแฝดเกิดวันเดียวกัน อีกทั้งเป็นทายาทนักวิทยาศาตร์ขั้นนำของอังกฤษ แต่ไวโอเล็ตไม่ได้สนใจในเรื่องทำสวย หรือทำถูกจารีตของผู้หญิง แต่กลับมีทักษะในการประดิษฐ์เครื่องจักรกลเหนือมนุษย์มนาเสียแทน ส่วนแอชตั้นก็หาใช่ชายแท้ไม่ แต่มีรสนิยมเป็นเกย์  ทั้งคู่กลับเหมือนเกิดมาหลงยุคผิดประเพณี ไวโอเล็ตอยากเข้าเรียนที่ไอเลอเรีย โรงเรียนสอนวิทยาศาสตร์สร้างสรรค์ชั้นนำที่เด็กหนุ่มหัวเทพที่ทุกคนใฝ่ฝันจะเข้าไปเรียน (ผนังโรงเรียนประกอบด้วยกลไกขนาดยักษ์ที่ให้พลังงานกลและพลังงานไฟฟ้ากับสถานศึกษา-นี่ล่ะความโม้ที่มาของสิ่งประดิษฐ์ล้ำสมัยที่เหลือเชื่อล้ำยุคในสมัยวิคตอเรียนตามแนว steampunk ล่ะ)  

และนั่นคือความฝันของไวโอเล็ต ซึ่งแอชตั้นในฐานะพี่น้องร่วมสายเลือดจะยอมสนับสนุนทุกวิถีทาง เพื่อให้ไวโอเล็ตสมใจ  แต่ความยุ่งยากมันไม่ใช่แค่ปลอมตัวเป็นชายเข้าไปเรียนเท่านั้น ตัวแอชตั้นเองก็ต้องซ่อนความรักชายไม่น้อยไปกว่าที่ไวโอเล็ตต้องซ่อนความเป็นหญิง  แต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่ไม่น่าจะเกิดในโรงเรียนชายล้วนก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างอลเวงอีกหลายเท่าตัว นี่ยังไม่นับรวมแผนการลึกลับที่ซ่อนอยู่ใต้ดินของอาคารเรียนอีกล่ะ



Steampunk แนวนี้ไม่เคยอ่านมาก่อน แต่เมื่อเป็นการรวมอะไรที่ไม่น่ามารวมกันได้อย่างการยืมพล็อตหญิงแต่งชายสลับคู่ผิดฝาผิดตัวแบบเช็คสเปียร์ (Twelfth Night), ออสการ์ ไวลด์ (The Importance of Being Earnest) ก็พล็อตที่ไม่ต่างจากหนัง She's The Man แหละ http://www.imdb.com/title/tt0454945/ พ่วงกับรสนิยมของกลุ่มตัวละครที่เอาล่อเอาเถิดระหว่างระเบียบและค่านิยมสมัยวิคตอเรียนกับการแหกกรอบเกรียนทั้งเชิงอินดี้ อัจฉริยะ และ queer สำหรับคนที่คุ้นชินมาบ้างกับขนบละคร หรือหนังเชคสเปียร์จะยิ่งสนุก เพราะกระทั่งวิธีการปล่อยตัวละครเข้าฉาก หรือจบตอนก็ชวนนึกถึงละครโบราณทันที แต่กลับให้รายละเอียดที่แหกประเพณีมากขึ้น มากกว่าที่ขนบเรื่องโบราณยุคนั้น ๆ จะเป็นจริงได้

ต่อให้มีขนบเรื่องโบราณแบบวิคตอเรียนและเสื้อรัดคอร์เซ็ตมาบังคับ หรือแบบแผน ท่าทาง มุขตลก การปล่อยตัวละคร stock characters ออกฉาก แต่กลับไม่ได้ทำให้ตัวละครแบนราบเลยสักนิด ความใส่ใจไปทั่วถึงตั้งแต่นางเอก ตัวประกอบทุกตัว (เว้นหน่อยคงเป็นตัวร้าย) มีรายละเอียดรับรองการันตีให้หมด (ซึ่งต้องสอดคล้องรองรับกับตัวละครอื่นๆ  ด้วย) และโดยเฉพาะกับพล็อตหญิงเป็นชายนี่ ตัวความเป็นจริงก็เขียนได้ยากอยู่แล้ว แต่คนแต่งเอาอยู่ แถมดึงให้คนอ่านร้อน หนาว สุข เศร้า หัวร่อร่าตามได้อย่างมหัศจรรย์ เป็นนิยายที่วิเศษจริง ๆ 

พออ่านบทสัมภาษณ์ คนแต่งเป็นชายรักชายด้วยแฮะ จัดงานแต่งงานไปแล้วด้วย

My Sassy Book ตอน 47: The Manual of Detection โดย Jedediah Berry



My Sassy Book ตอน 47: The Manual of Detection โดย Jedediah Berry


ในเมืองที่ฝนตกตลอดเวลา และมีแต่คนปฏิบัติงานดั่งคนเดินละเมอ นาฬิกาปลุกอันตรธานหายไปทั้งเมือง นักสืบจำเป็นที่ตกกระไดพลอยโจนและไม่อาจยึดคู่มือนักสืบเป็นสรณะ องค์กรลึกลับขนาดยักษ์ที่มีผู้จับตาซ้อนทับหลายชั้น สาวลึกลับสองคนที่ต่างมีอาการนอนไม่พอเป็นแกนร่วม นักเขียนคู่มือสืบสวนที่อยากลืมแต่กลับจำ หนึ่งวันในสัปดาห์ที่หายไปโดยทุกคนในเมืองไม่รู้หนต้นทาง คณะละครสัตว์อับชื้นที่ยืนอยู่คนละฝั่งเมืองและเป็นปริศนาพิสดารให้เหล่านักสืบกับเสมียนประจำตัวที่ไม่เคยพบหน้ากัน  นิยายอะไรมันจะนัวเนีย นัวร์เนิร์ด น่าแปลขนาดนี้วะ

การเปิดบทแต่ละบทก็ฉลาดแท้ ทำเป็นอ้างมาจากคู่มือนักสืบที่กินไม่ได้แล้วไม่รู้ใช้ได้จริงหรือเปล่า ดูเป็นคำยอกย้อนซ่อนกลกวนตีนแอบฉลาดแบบขำ ๆ ตลอดเวลา เหมือนซ้อนกลหยอกคนอ่านและตัวละครอยู่ตลอด การเล่าเรื่องแบบฝันซ้อนฝันที่ยังทำให้ดูต่างออกไปได้อีก



ปกติระแวงหนังสือที่เน้นพล็อตเรื่องซับซ้อน เน้นความฉลาดเจ้าเล่ห์กึงคริสโตเฟอร์ โนแลน (Inception) กึ่งหอสมุดบาเบล กึ่งบอรเฆส แต่อ่านเรื่องนี้เพลินจนลืมตัว เหมือนตกไปอยู่ในภาพเขียนเรขาคณิตของ MC Escher และภาพเซอร์หลอนของ มากริตต์ (ดูภาพหมวก) ที่ออกแบบอย่างดี ดูดซับนิยายของ คาฟก้า หายใจข้าง พอล ออสเตอร์ หรือ ฮารูกิ มูรากามิ แบบเนิร์ด นัวร์ ไม่น่าแปลกใจที่คนเขียนชอบงาน บอรเฆส, อิตาโล่ คัลวิโน่ (If On A Winter's Night The Traveller) แถมนี่เป็นนิยายเล่มแรกด้วย

ใช่ ข้อดีคือทำให้นึกได้ว่า เมื่อชาติที่แล้วเราเองก็เคยอยากทำหนังฟิล์มนัวร์.... เกือบลืมไปแล้วเนี่ย