21.8.51

My Sassy Book ตอน 10 : Out Backward

My Sassy Book ตอน 10 : Out Backward

ตอนอ่านก็ไม่ได้ชอบนักหนา แต่ไม่รู้ทำไมผ่านมาเดือนกว่า ๆ แล้วยังลืม Out Backward ไม่ลง

ครอบครัวชาวฟาร์มยากจนในหมู่บ้านแถบมณฑลยอร์คเชียร์ทำมาหากินงก ๆ ไม่มีเวลาหรือความละเอียดอ่อนพอที่จะเข้าใจลูกชายวัยรุ่น ชื่อ Sam Marsdyke ที่วัน ๆ นอกจากช่วยพ่อทำฟาร์ม ต้อนแกะ-ผสมพันธุ์-ทำคลอดวัวแล้วก็แทบไม่ต้องสุงสิงกับใคร ความสุขใจรายวันมีเพียงการพาเจ้าหมาคู่ใจท่องไปในป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ในแถบนั้น

นักท่องเที่ยวเริ่มรุกล้ำสังคมชนบทมากขึ้น มีร้านอาหาร ผับทันสมัยเปิดดักชาวลอนดอน แทนที่ร้านรวงแบบเก่า ทีนี้คนเมืองก็สามารถพูดได้เต็มปากว่า เคยสัมผัสมาแล้วกับชีวิตชนบท

แซม ไม่ใช่ตัวเอกที่ดีเด่อะไร เขาไม่ไช่พวกอนุรักษ์ที่จะออกมาปกป้องชีวิตวัฒนธรรมแบบเก่าที่กำลังจะเปลี่ยนไป ในความมีวินัยขยันทำงานช่วยพ่อแม่ เขาก็ซ่อนความแสบลึกไว้ในตัว เวลาเห็นพวกนักท่องเที่ยวเดินป่าก็ชอบกลั่นแกล้งสะใจ แล้วเขายังมีประวัติเรื่องเพื่อนนักเรียนหญิงเป็นคดีติดหลัง จนกระทั่งถูกอัปเปหิจากโรงเรียน เรื่องนี้ใคร ๆ ในหมู่บ้านก็รู้กันทั่ว แม่เขาเองบอกว่าเป็นเวรกรรมที่ แซม เกิดมาต่างจากชาวบ้าน (ภาษาอังกฤษว่า out backward) ทั้งพ่อและแม่กำชับนักหนาไม่ให้ แซม ไปยุ่มย่ามกับ ครอบครัวคนเมืองบ้านหนึ่งที่เพิ่งอพยพเข้ามาพักไม่ไกลกันนัก เพราะว่าผู้ดีบ้านนั้นเขาพาลูกสาววัยรุ่นคนหนึ่งย้ายมาปักหลักที่นี่ด้วย

เหมือนชะตาลิขิตไว้แล้ว ต่อให้ แซม จะสะดุดการสานความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวนั้นในตอนแรก แต่ท้ายที่สุดสาวเจ้ากลับเป็นฝ่ายเดินหาเขาเอง หนำซ้ำวันหนึ่งพอเธอทะเลาะกับแม่มาก็ยังแบกเป้ชวน แซมหนีไปด้วยกันเสียอีก

บทสรุปเรื่องราวประเภทนี้หาแฮปปี้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่รอยแผลที่นิยายทิ้งไว้มันทำให้คนอ่านอดคิดมากไม่ได้ มันทำให้นึกถึงบทพูดตอนหนึ่งในหนังแนว Western ของ Anthony Mann เรื่อง The Last Frontier

ในฉากนี้เพื่อน 2 คนคุยกัน
- “หล่อนมองข้ายังกับข้าเป็นหมีงั้นแหละ”
- “การเป็นหมีในดินแดนหมีมันก็ข้อดีในแบบของมันนะ”
- “เฮ้ย แต่ข้าไม่อยากเป็นหมีนี่หว่า”
- “หล่อนเป็นหญิงเจ้ายศ เธอคู่ควรกับผู้ชายที่มีฐานะ”

ในเรื่อง The Last Frontier นั้น พระเอกคือ Jed Cooper หนุ่มพเนจรที่มีวิญญาณอิสระของสัตว์ป่า ผืนไพร ผืนฟ้า ดวงดาว เป็นเหมือนกับบ้านของเขาที่เขาคุ้นเคยดีที่สุด หลังจากที่พวกอินเดียนแดงปล้นปืนและทรัพย์สินที่เขาเก็บออมไว้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปสมัครเป็นทหาร แต่แม้ว่าเขาจะหลงใหลในเครื่องแบบอันทรงเกียรติของกองทัพอย่างมากมาย กฏระเบียบและจริตของคนศิวิไลซ์ก็ทำให้คนพื้นเพบ้านป่าอย่างเขาคับใจอยู่ยาก ยิ่งเมื่อหลงรักภรรยาของผู้บัญชาการ เรื่องก็ยิ่งวุ่น ก็ขนาดเรื่องที่เขาตัดสินใจทำลงไป เพราะคิดว่าดีและเหมาะสมกับคนทุกคนก็กลับกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ของ “ผู้มีอารยธรรม”

พวกอินเดียนแดง ที่ไม่ใช่ผู้มีอารยธรรมยังใกล้เคียงกับ Jed มากกว่าพวกทหารคนขาวในกองทัพด้วยกันเสียอีก เหตุที่พวกอินเดียนแดงต้องกวาดต้อนปืนและม้าของ Jed และเพื่อน ๆ ไปหมด ก็เพราะถูกบีบคั้นให้พร้อมต่อกรกับกองทหารอเมริกัน ซึ่งค่อย ๆ ไล่ที่เข้าไปในอาณาเขตของอินเดียนแดงมากขึ้นทุกที ๆ จนพวกเขาแทบไม่มีที่อยู่อาศัย

หนังและนิยายที่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน และมีบทสรุปต่างกันนี้ เหมือนกันอย่างหนึ่งตรงที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อไหร่ที่เราเล่นเกมของใคร (โดยเฉพาะเกม-กติกาของคนมีอารยธรรม “ผู้เจริญแล้ว”) เราต้องเล่นให้เนียน ให้จบ ต้องทันเกม และชนะด้วยกติกาชนิดเดียวกันเท่านั้น ไม่งั้นก็จะไม่มีทางลืมตาอ้าปาก หาไม่แล้วก็อย่าริเริ่ม หายใจ หรือขยับตัว และจงอยู่ในถ้ำของตัวเหมือนเดิม อย่าไปหัดซ่าส์ที่ไหน (เออ สรุปยังไงของมันวะเนี่ย)

สงสัยว่านาย รอสส์ ลูกเกด (Ross Raisin) นักเขียนอังกฤษหน้าใหม่คนแต่งนิยาย Out Backward นี้คงใช้ประสบการณ์ที่ตัวเองเป็นหนุ่มบ้านนาแถบยอร์คเชียร์มาเขียน แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตอนพิมพ์ครั้งแรกที่อังกฤษชื่อเดิมของนิยายคือ God’s Own Country สงสัยชื่อไปซ้ำกับเล่มอื่น พอพิมพ์ในอเมริกาเลยกลายเป็น Out Backward อย่างที่เห็น

ไม่มีความคิดเห็น: