24.4.51

นรกแห่งการอธิบายตัวเอง

นรกแห่งการอธิบายตัวเอง
Complain is my vocation and the story of a miserable diarist

ถึงเวนเนีย กับ ปานิ - มีประเด็นที่น่าสนใจในหนังสือของ Yoko Tawada ที่อาจจะไปกันได้กับนิยาย The Blindfold ของ Siri Husvedt (คู่ชีวิตของ Paul Auster) ภาษาของผู้หญิง 2 คนนี้ไปกันได้กับ Marguerite Duras คือถึงจะมีพล็อตเรื่องแต่มันก็ไร้ฟอร์มดูนามธรรมดี ต่างจากพวกนิยายเบสต์เซลเล่อร์สอย่าง Nicci French อย่างลิบลับ เพื่อนเราหลายคนที่ชอบนิยายผู้หญิงแสบ ๆ หลอน ๆ น่าจะชอบ แต่ไม่ยักมีใครเอาไปแปล

กำลังคิดอยู่ว่าจะสามารถเอาไปแนะนำใน “อ่าน” นิตยสารวรรณกรรมเล่มใหม่ในเครือ ฟ้าเดียวกัน ได้ไหม แต่คงเขียนยากว่ะ ตอนเขียน Joseph Cornell ให้ช่อการะเกด ก็ดันมีคนดักคอตั้งแต่ไม่ทันอ่านว่า ไอ้บ้านี่เขียนอ่านไม่รู้เรื่อง แหง ๆ เออ คงจะจริงแหละ บางทีอ่านแล้วก็แหม่ง ๆ

เขียนหนังสือนี่มันเป็นเรื่องน่าเบื่อแท้ สงสัยว่าการอธิบายความคิดตัวเองนี่มันสนุกตรงไหน ข้อดีอย่างเดียวของการบันทึกคือการทำให้จดจำได้ ยิ่งพักหลังนี่ความจำเลวร้ายสุด พอนึกพล็อตดี ๆ ออก เผลอแว๊บเดียวลืมหมด อยากจะโทษว่าเป็นเพราะไม่เคยใส่ใจวิชาเรียงความหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้คิดว่าเขียนอะไรก็ไม่รอด ยิ่งเขียนเองก็ยิ่งงงเอง เขียนอารมณ์ขันก็เข้าใจเป็นแดกดัน แล้วคนอื่นจะเข้าใจได้ไง แล้วทำไมเราต้องเชื่อใจภาษาด้วยวะ

พล็อตหนังเรื่อง “นางแมวบ้าน” (รักเสียให้เข็ด) คิดไว้เกือบ 20 ปีแล้ว เรื่องนี้เคยลงแบบหยอกไก่ (ไม่ใช่เวอร์ชั่นจริง) ใน Filmvirus 2 แล้วก็เคยหยิบเวอร์ชั่นจริงให้คน 10 คนอ่าน ไม่มีใครเก็ตสักคน นี่มันหนังเกี่ยวกับหนังไทยนะเว้ย หาว่าเป็นหนังล้อเลียนหนังไทยบ้างล่ะ ถ้าแค่ล้อเลียนจะทำไปทำไม อย่าง ฟ้าทะลายโจร กับ เปนชู้กับผี น่ะ เป็นแค่การเอ็กเซอร์ไซส์ต่อมแฟนคลับ ส่วน หัวใจทรนง ของ เจ้ย กับ ไมเคิล ก็น่ารักดี ชอบ แต่นั่นก็เป็นหนังที่จงใจทำตลกให้น่าเอ็นดู ของเราไม่ได้ตลกสักหน่อย ไม่ได้กะเลียแข้งครู หรือทำตัวหวนอดีตวันวานหวานเลี่ยน แล้วมันก็ไม่ได้ล้อเลียนใครแน่ ๆ แค่ล้อเลียนหรือไหว้ครูมันไม่พอหรอก ครูตัวจริงเขาคงไม่หวังให้ศิษย์หลงครูไปทุกเรื่อง

4 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ่านแล้วฝากถามครับ

มันคลุมเครือๆกันอยู๋ไหมพี่ ระหว่าง การ ล้อเลียน การหยิบเอามาทำใหม่ (แบบที่เรียกว่า POSTMODERN เอาเปลือกเก่ามาเป็นแก่น) และการบูชาครู

บางทีเราก็เขียนถึงและเข้าใจมันผิดๆอยู่ไหมพี่

อนึ่ง อการเขียนอธิบายความคิดตัวเองบ่อยครั้ง(กับผม) มันทำใหไอ้เรื่อวงที่คิดไม่ออก มัน -คิดตก- ขึ้นมาได้ พี่

วันเสาณ์นี้มาไหมครับ ผมจะเอา ROLLINไปคืน ดูครบหมดแล้ว ขาดแต่ SIDEWALKS OF BANGKOK ถูกใจอย่างรุนแรง /FILMSICK

filmvirus กล่าวว่า...

มันน่าจะดูออกว่าคนทำหนังคนไหนทำจบแค่บูชาครู หรือคนไหนแตกหน่อใหม่ อย่างที่ชัดที่สุด Quentin Tarantino ที่ทำได้ทุกเรื่องกับหนัง genre สายย่อยต่าง ๆ หนังจี้ปล้น หนังอาชญากรรม หนังบู๊ฝรั่งผสมกังฟูกำลังภายใน หนังควบแบบ Grindhouse แล้วเดี๋ยวมีหนังสงคราม Inglorious Bastards แต่อย่าง ฟ้าทะลายโจร มันจบในตัวของมันเอง ไม่ขยายหน่อใหม่

มันน่าเสียดายที่คนไทยไม่จับเรื่องน้ำเน่าแบบ สวรรค์เบี่ยง แล้วทำใหม่ ทำเพื่อไม่ใช่ล้อเลียน เย้ยหยัน แต่ทำให้คนดูตั้งคำถามกับกระบวนการการดู และ genre แนวนี้ และถ้าให้ดีอาจไม่ต้องดูฉลาดมาก self-conscious แบบ Funny Games ของHaneke หนังส่วนใหญ่ของ quentin มันไม่วางท่า self-conscious ให้น่าเกลียด เพราะอะไร เพราะ quentin นั้นจริง ๆ ก็รักหนังแนวนี้ เขาทำเพราะความเอ็นดู ไม่ใช่เพราะเขาหลงเชื่อในลักษณะเดิมของมัน 100 % เพราะเขารู้ว่าในยุค post modern ที่คนไม่สามารถศรัทธาเรื่องความรักและการเสียสละโดยไม่ตั้งแง่ หรืออ่านเรื่องแบบ ดอสโตเยฟสกี้ โดยสนิทใจ เราต้องเริ่มสานต่ออดีตจาก ปัจจุบัน ไม่ใช่ย้อนกลับไปหาอดีต แล้วคิดว่าวันวานเป็น good old days

และเรื่อง นางแมวบ้าน ของพี่ มันเป็นการแสดงความเยื่อใยต่อหนังไทยตามโรงที่เลิกสร้างกันไปแล้ว แต่ไม่ใช่บอกว่าเราควรกลับไปทำแบบเดิม ในความบริสุทธิ์ที่เราต้องแยกแยะ เพราะเรา filmsick เราไม่สามารถกลับไปเป็น เจ้าชายน้อย ได้อีกแล้ ความเป็นเจ้าชายน้อยก็ยังอยู่ แต่ตัวเราเองกับคนอื่นไม่ควรเรียกร้องให้มีนปรากฏแบบเดิม เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

ดู Monte Hellman ฉีกแนวคาวบอย 2 เรื่องนั่นยัง แล้วก็แนว road movie ใน 2 Lane Blacktop ด้วย

การเขียนหนังสือมันไม่ใช่ความรักแน่ ๆ สำหรับพี่ แต่พยายามฝึกดูเผื่อช่วยให้อะไรเคลียร์ขึ้น

งาน Terayama ก็ต้องไปสิ ชายอุตส่าห์มาช่วยทั้งที

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ้า

ผมกำลังคิดถึง หนังสั้นชุด บ้านผีสิง และ แม่ย่านาง ของพี่เจ้ย เลยพี่

ฃผมว่าเป็นการะลเล่นของ-คนดู- ที่สนุก คมคาย และร้ายกาจมาก (อย่างไรก็ดีมันอาศัย ประมปการณืของการดูหนังพอสมควร ) /FILMSICK

filmvirus กล่าวว่า...

หนังพี่น้องตระกูล Coen ก็เป็นการบิดสูตรที่น่าสน โดยเฉพาะ Miller's Crossing ที่หนีแนวฟิล์มนัวร์ได้เจ๋ง ยาย Marcia Gay Harden ก็เล่นนางเอกแสบๆ จากเรื่องนี้มั้ง เธอยังผอมมากเลยตอนนั้น