16.5.51

Filmvirus 6 ฉบับบาปติดเซ็กส์ (Sin Salon) aka Sex and Sin

Filmvirus 6 ฉบับบาปติดเซ็กส์ (Sin Salon) aka Sex and Sin
ในฐานะคนเคยทำหนังสือหนัง บางทีก็ชอบจินตนาการทำ FILMVIRUS เล่มใหม่ไปเรื่อยเปื่อย ถึงจะรู้แน่อยู่แก่ใจว่า ทำออกมาก็เสียเปล่า แก่ฟรี

เอ้า คิดเล่น ๆ เฉย ๆ น่ะ ถ้าทำ ฟิล์มไวรัส ออกมาอีก ยังมีหลายแนวที่น่าทำ ทั้งหนังกำลังภายในเอย หนังคาวบอยเอย แตกขนบหนังหนังแนวเมโลดราม่า สางสำแดง 2 หนังที่ผู้กำกับสร้างไม่เสร็จ หนังอนิเมชั่น หนังผู้กำกับหญิง หรือดาราหญิงจอมแสบ หรือตำราหนังอีกหลายแบบก็น่าแปล ผู้กำกับหลายคนก็ทั้งคั้ลต์ ทั้งคลาสสิค มีให้จับอีกเยอะ ตายไปกี่ชาติก็ทำไม่หมด แต่เอาเข้าจริงที่คนซื้อพอจะสนใจก็คงไม่พ้นคาวเลือดและคาวกาม
ลองสมมติดูว่าเราจับเรื่องเซ็กส์ และเรื่องบาปมาเป็นโจทย์ ยิ่งประเภทสามหาวให้สมชื่อ PORN POWER หรือ PINK SALON อาจพอมีลุ้น Filmvirus คาวบาปเล่มใหม่ก็น่าจะมีหนังของผู้กำกับวาบหวิวประมาณนี้ สาบานได้ว่าไม่ได้เพ้อให้หนังพวกนี้สร้างประโยชน์อะไรกับสังคม หรือกระทั่งว่ามันต้องเป็นหนังที่น่าปลาบปลื้มใจใคร

แน่แท้อย่างเดียว คือหนังพวกนี้พิสูจน์ว่าเนื้อหาสาระคุณภาพไม่ใช่ข้ออ้าง ที่อาจสำคัญกว่าคือการจริงใจต่อความหมกมุ่นของตัวเอง (ต่อให้เป็นด้านชั่ว ๆ ลามกตูดเป็ด) ไม่ใช่แค่ปั้นหนังออกมาให้ดูเหมือน ๆ กันไปหมด เหมือนปั๊มมาจากโรงงานของดาราหล่อ ๆ สวย ๆ ของคนนั้นคนนี้ หรือบริษัทโน่นนี่

Filmvirus เล่ม 6 ฉบับบาปติดเซ็กส์ (Sex and Sin)
กำหนดวางตลาด ตุลาคม 2562
เสนอ 6 ผู้กำกับฉาวโฉ่เกรดลงกระบะ

Jean Rollin

หนังของผู้กำกับชาวฝรั่งเศสคนนี้มีเครื่องล่อใจมากมาย ทั้งปราสาทโบราณ หลุมฝังศพร้าง แวมไพร์สาวยั่วสวาทที่คอยเดินนวยนาดไปมาเหมือนเดินแบบ นาน ๆ ทีจึงจะมีแนวเรื่องแบบโจรสลัด หรือฉากร่วมสมัย รวมแล้วก็ไม่รู้หาสาระอะไรได้หรือเปล่า แต่เพลินตาเพลินใจดี บางฉากจำลองฉากร่างผู้หญิงเปลือยเดินช้า ๆ กลางถนนยามค่ำคืนคล้ายภาพเขียนของ Paul Delvaux หรือ Magritte

Jean Rollin อาจเป็นคนฝรั่งเศสก็จริง แต่นอกจากเรื่องเชื้อชาติ ไม่มีใครนับเขาเป็นผู้กำกับหนังอาร์ต และโดยเนื้อเรื่องในหนังของเขาก็ไม่ต้องคิดหนักให้เมื่อยพี่ตุ้ม นอกจากท่าทีการเป็นขบถสังคมแบบเล็ก ๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นข้ออ้างให้นักแสดงมีฉากทางเพศ ดูท่า Jean Rollin ชอบสร้างฉากบรรยากาศหลอน ๆ เหมือนหนังเงียบขาวดำเก่า ๆ หรือหนังของ Georges Franju (โดยเฉพาะเรื่อง Judex ที่พระเอกใส่หน้ากากหัวนกเหมือนอ้างอิงภาพเขียนแนวเซอร์เรียลลิสต์ของ Max Ernst)

ตอนนี้เอาเป็นว่ารออ่านของ Filmsick เขียนดีกว่า เขียนเสร็จยังเจ้าชาย?

Walerian Borowczyk
เมื่อก่อนดูหนังหมอนี่ที่โรงหนัง Scala Cinema ที่ลอนดอน (มีภาพลงใน Filmvirus เล่ม 2) เป็นโรงหนังอาร์ตเฮ้าส์โรงเดียวที่มีจอหนังใหญ่ยักษ์ มีชั้นเก้าอี้ยกระดับอัฒจรรย์เหมือนหอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ (หอศรีบูรพา) แต่อีกอย่างที่โรงหนังแห่งนี้ดีที่สุด คือฉายหนังของผู้กำกับคนเดียวควบวันละ 2-3 เรื่อง เหมาะที่จะศึกษาแนวทางของผู้กำกับเฉพาะบุคคล ซื้อตั๋วใบเดียวนั่งแช่ไปทั้งวัน ดูหนังอย่าง Hitchcock, Fritz Lang, Ingmar Bergman วนซ้ำไปมา ได้ค้นพบหนังแปลก ๆ หลายเรื่องก็จากที่นี่ รวมทั้ง Celine and Julie Go Boating ของ Jacques Rivette, The Element of Crime ของ Lars Von Trier, Russ Meyer หรือ John Waters ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ชอบฉายหนังตลาดหน่อย ฉายตลอดวันตลอดคืน เป็นหนังพวก บรู๊ซ ลี, The Terminator, Alien ทั้ง 3 ภาค, The Fly ทั้งฉบับเก่าและฉบับใหม่ แต่ก่อนจะฉายเรื่องแรก คนฉายชอบเปิดเพลงของ Erik Satie กับ Miles Davis ทำให้ติดเพลงไปอีกต่อหนึ่ง

ตื่นตาตื่นใจมากกับหนังหมอนี่ หนังของ Walerian Borowczyk เป็นหนังโป๊ที่มีฉากโป๊สวย ๆ หลายฉาก เนื้อเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร มีแค่ตัวละครค้นพบอิสรภาพทางเพศของตัวเอง บางเรื่อง Behind Convent Walls ชอบฉายควบกับ Immoral Tales และ La Bête โดยเฉพาะเรื่องแรกนี่เล่นเปิดโปงสำนักนางชีเสียล่อนจ้อน ทำให้คนเคร่งครัดทางธรรมอย่างเราดูแล้วใจหายใจคว่ำ ตอนหลังที่สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ ได้ดูเรื่อง Blanche เรื่องนี้ก็ไม่เลว มี Michel Simon ที่เคยแสดงหนังคลาสสิคเรื่อง L'Atalante แสดงด้วย ตอนหลังเลยเอาไปฉายเองพร้อมกับเรื่อง Goto, Isle of Love ที่ ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ ซีคอนสแควร์

ไม่น่าเชื่อว่า Borowczyk เคยเป็นคนทำหนังอนิเมชั่นแนวนามธรรมมาก่อนที่จะทำหนังแนวเนื้อนมไข่ หนำซ้ำในยุค 70 เคยรุ่งเรืองสุด ๆ (ก่อนตกต่ำมาทำ Emmanuelle 5) เขาเคยติดอันดับผู้กำกับระดับ Top 10 ในระดับเดียวกับพวกระดับครูด้วย

เคยเห็นผลงานถ่ายภาพให้นิตยสาร Playboy (ประมาณต้นปี 2530) ของเขาด้วย เขาถ่ายภาพได้สวยมาก เสียดายที่ไม่ได้ซื้อเก็บไว้ เขาเพิ่งตายไปเมื่อ 2-3 ปีนี้เอง

Jess Franco
ตานี่ก็ใช่ย่อยเป็นคนทำหนังชาวสเปนที่เคยถ่ายหนังพร้อมกันทีเดียว 2-3 เรื่อง ผลงานหนังของเขามีมากมายหลายร้อยเรื่อง บางทีถ่ายหนังไปยังจำไม่ได้ว่าถ่ายเรื่องอะไรอยู่ กระทั่งดาราเองก็ไม่รู้ว่าได้เล่นหนังทีเดียวควบสอง แล้วจนกระทั่งทุกวันนี้ Jess Franco ก็ยังถ่ายหนังด้วยกล้องดิจิตอล ถ่ายหนังลงทุนราคาถูก ๆ อยู่เหมือนเดิม

เจส ฟรังโก หมกมุ่นกับเพศรสและการจับมัดทรมาน เขาไม่รู้สึกอายที่จะจับ Lina Romay เมียตัวเองมาถ่ายหนังแบบเจาะลึกเห็นทุกขุมขน หนังเขาเป็นหนังตลาดล่างหลากหลายแนว ทั้งแนวสยองขวัญตั้งแต่ขาวดำคลาสสิค หนังสายลับ หนังแนวคุกสาว หนังสาวเจ้าป่า หนังจำลองรายงานเพศศึกษาแบบเก๊ ๆ ที่ในเยอรมนีเรียกว่า School Report หนังที่สร้างจากนิยายของ มาร์กีส์ เดอ ซาด เจ้าตำรับ มาโซคิสม์ หนังผีแดร๊กคิวล่า บางทีก็สร้างเนื้อเรื่องซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนขี้ลืม เช่นถ่ายเรื่องของ มาร์กีส์ เดอ ซาด เรื่อง Eugenie de Sade ซ้ำไปมาอยู่นั่นแหละ ตั้ง 3 หรือ 4 เวอร์ชั่น

ดาราดังมากมายอย่าง Howard Vernon, Cristopher Lee, Jack Palance ผ่านมือเขามาเกือบหมด แล้วก็คุ้นดีด้วยว่าเอาอะไรแน่กับบทหนังไม่ได้ เพราะถ้าเห็นอะไรถูกใจ Jess Franco ก็ถ่ายเรื่อยเปื่อยนอกแนวหนังไปเฉย ๆ ถึงยังงั้นก็เถอะ เขาก็เป็นคนมีแฟนระดับ cult อยู่ทั่วโลก หลายประเทศต่างก็ออกดีวีดีของตัวเองออกมา ซึ่งบางเรื่องบางฉบับสั้นบ้างกุดบ้าง และเป็นฟิล์มคุณภาพห่วยเสียเยอะ

Jess Franco เป็นนักดนตรีแจ๊ส บางครั้งแต่งและเล่นเพลงประกอบหนังเอง อีกทั้งยังชอบปรากฏตัวเป็นคนโรคจิตในหนังของตัวเองอยู่บ่อย ๆ

มีหนังของเขาอยู่อย่างน้อย 4 เรื่องที่หลุดมาเป็นวีซีดีพากย์ไทยบ้านเรา และ 2 ใน 4 เรื่องที่ว่ามีฉากโป๊ที่ไม่โดนเซ็นเซอร์

Russ Meyer

หมอนี่หลงหน้าอกไซ้ส์ไจแอนท์ของผู้หญิงอย่างเอาเป็นเอาตาย ชอบพากย์บรรยายหนังของตัวเอง นอกจาก Faster Pussycat Kill Kill ที่อมตะคลาสสิค (สงสัยเป็นเพราะโชคดีไม่มีเสียงบรรยายของเขาตลอดเรื่อง) ดูเหมือนว่าหนังเรื่องหลัง ๆ จะทำให้บรรดาสาว ๆ กลายเป็น Boobie Girl การ์ตูนเพี้ยนที่ขยายนมหนองโพจนบ้านโป่งไปเลย สงสัยถ้าไม่ได้เห็นสาวจัมโบ้วิ่งบ้ะละหึ่ม ตามถนนหนทาง หรือฉากเซ็กส์ซูเปอร์ต๊องคงจะไม่ใช่ยี่ห้อของ Russ Meyer (รัส มายเย่อร์) ซะละมั้ง

Radley Metzger
หมอนี่เป็นคนอเมริกันก็จริง แต่ชอบนำเข้าหนังเซ็กส์ของยุโรปมาในอเมริกา บางทีก็รับจ๊อบตัดต่อหนังคนอื่นเสียใหม่ หรือตัดต่อหนังตัวอย่างของหนัง Ingmar Bergman ฉบับที่ฉายในอเมริกาด้วย

ผลงานกำกับของเขาก็เข้าท่า เรื่องดัง ๆ คงหนีไม่พ้นหนังเลสเบี้ยนในโรงเรียนประจำอย่าง Therese and Isabelle (ออกจะเชยไปหน่อยเรื่องนี้) แล้วก็ Camille 2000, The Image, Score แต่เรื่องที่แจ๋วที่สุดน่าจะเป็นหนังโป๊โครงเรื่อง+ดีไซน์ซับซ้อนเรื่อง The Lickerish Quartet แค่เฉพาะฉากก็สะแด่วปลาจาระเม็ดจริง ๆ แถมเล่าเรื่องประหลาดประมาณน้อง ๆ หนังแนวจิ๊กซอว์ Last Year at Marienbad อะไรประมาณนั้น (เว่อร์หน่อยน่า)

Tinto Brass

คนนี้เป็น Alfred Hitchcock อิตาเลี่ยนฉบับเนื้อนมไข่ที่พุ่งสายตาคนดูหนังไปที่นมและก้น ยิ่งก้นขนาด Super Ass เท่าไหร่ก็ยิ่งได้การ Tinto Brass มีชื่อกับหนังอื้อฉาวลงทุนยักษ์อย่าง Caligula หรือ Salon Kitty แต่งานที่น่าแสดงความภูมิใจมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่อง The Key ที่เอานิยายของ Junichiro Tanizaki มาแปลงเป็นฉากอิตาลี่ให้น่าสนใจมาก มีการตีความใหม่ ๆ ที่เข้าท่า (อ่าน T = Tanizaki ใน Bookvirus เล่ม 01) พล็อตหนังเรื่องอื่น ๆ ของเขาก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่แค่ปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ชองผู้ชายผู้หญิง ประเภทโยนบาปและความอายทิ้งไป ไม่คิดอะไร ชิลล์ ชิลล์ (ว่าไปหนังของ Tinto Brass นี้เกี่ยวกับบาปน้อยที่สุด)

หนังอย่าง Paprika, Miranda, All Ladies Do It, The Voyeur, P.O. Box Tinto Brass หรือ Frivolous Lola เป็นการทำหนังของชายแก่ร่างท้วมสูบซิการ์ที่ประกาศแก่แฟนหนังของเขาว่า มีเซ็กส์วันละนิด จิตแจ่มใส นอกจากรูปร่างใหญ่อ้วนท้วนคล้าย Hitchcock แล้ว อีกอย่างที่เหมือนกันคือชอบโผล่ตัวในหนังที่ปะยี่ห้อตัวเอง

มีหนังอย่างน้อย 2 เรื่องคือ Frivolous Lola และ All Ladies Do It ที่ออกแผ่นวีซีดีลงกระบะ แต่ถ้าค้นดูละเอียด ต้องเจอเรื่องอื่นเพิ่มแหง ๆ

ที่จริงก็ยังมีหนังแสบ ๆ ของคนอื่น ๆ อีก (อย่าง Doris Wishman เจ้าแม่หนังสายลับสาวนมยักษ์ Double Agent 43) แต่ที่มีผลงานต่อเนื่องชัดเจนมากและได้รับการยอมรับเป็นอมตะในทางต่ำ ๆ คงต้องเป็น 6 คนนี้ ส่วนผู้กำกับญี่ปุ่นที่ทำหนังแรง ๆ อย่าง Teruo Ishii, Masaru Konuma, Tatsumi Kumashiroน่าจะมีอีกมาก (มีหนังนินจาลามกบางเรื่องที่เคยออกแผ่นวีซีดีของร้านแมงป่อง เข้าท่ามาก ๆ) ถ้านึกไปเขียนไปเรื่อย เดี๋ยวมีไม่จบ ต้องทำฟิล์มไวรัส ไปตลอดชีวิต แล้วจะหาเรื่องเหนื่อยทำไมวะเนี่ย

3 ความคิดเห็น:

filmvirus กล่าวว่า...

อาจจะรวม Andrezj Zulawski, Jose Benaseraf, Jose Ramon Larraz, Hisayasu Sato เข้าไปในเล่มด้วยก็ดี

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอไบลงกลแสงต่อครับพี่ /filmsick

filmvirus กล่าวว่า...

ไม่ดีมั้ง ที่นั่นคนอ่านเยอะ ไม่อยากโดนหมั่นไส้