6.5.51

My Sassy Book (5) Cold Skin เส้นสันโดษสู่แกนยะเยือก

My Sassy Book (5) Cold Skin เส้นสันโดษสู่แกนยะเยือก

Cold Skin
Written by Albert Sánchez Piñol
แปลจากภาษาคาตาลันเป็นภาษาอังกฤษโดย Cheryl Leah Morgan
สำนักพิมพ์ Canongate

* หนังสือโดนใจประจำเดือนกรกฎาคม 2550 *

เพียงแค่อ่านประโยคเปิดเรื่องก็โดนใจแล้ว
'We are never very far from those we hate, For this very reason, we shall never be truly close to those we love"

นึกไม่ออกว่าเคยอ่านนิยายเล่มไหนแล้วหัวใจกระเด็นกระดอนเท่าเล่มนี้ ก็นี่มันแบบฉบับของนิยายสยองพองขนสำหรับมนุษย์ผู้ระอาโลกโดยแท้นี่หว่า

“I was a recluse not on the island, but in my memory.”

เหตุการณ์ตามท้องเรื่องเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่นานนัก ผู้แต่งไม่บอกยุคสมัย เขตประเทศ หรือแม้กระทั่งชื่อตัวละคร เรารู้เพียงว่าตัวเอกของเรื่องเป็นชายหนุ่มที่เข็ดขยาดกับอุดมการณ์ทางการเมืองของคนในประเทศตัวเอง จนตัดสินใจบอกลาสังคมศิวิไลซ์แล้วมารับจ๊อบเดียวดายบนเกาะไกลโพ้น ซึ่งนานปีทีหนจึงจะมีเรือหลงหลุดมาสักลำ

“There are times when we must bargain for our future with the past. You sit on a lonely rock and try to negotiate between the devastating failures that came before and utter darkness that is on its way.”

ที่กระท่อมร้าง เขาไม่พบพนักงานบันทึกสภาพอากาศคนที่เขาต้องมาประจำงานแทน มนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่เขาเจอบนเกาะคือชายชาวออสเตรียนาม กรูเนอร์ ซึ่งมีสภาพคล้ายคนขาดสติที่วันๆ ขลุกตัวเองอยู่ในประภาคาร

คืนนั้นเองที่เล็บมือพังผืดเรียวยาวโผล่เข้ามาในบานประตูของเขา จากนั้นเองสัญชาตญาณแห่งการต่อสู้เอาชีวิตรอดที่ไม่ต้องมีใครสอนสั่งก็โถมทลาย

แทบทุกคืนหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า กองทัพสิ่งมีชีวิตลึกลับที่มีสภาพคล้ายพรายน้ำหรือสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจะเข้าจู่โจมสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนอย่างบ้าคลั่ง ทางเลือกเดียวคือต้องรวมพลังสามัคคีกับ กรูเนอร์ ให้ได้ แต่โอกาสการผูกมิตรกับคนระห่ำไร้สำนึกแบบนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์ เท่านั้นยังไม่พอเสบียงอาวุธและดินปืนของคนทั้งคู่ต่างก็พร่องลงทุกวัน

ทีแรกอ่านเรื่องย่อหลังปกก็ชวนลึกลับน่าติดตามพอแล้ว แต่ไม่นึกว่านิยายเรื่องนี้จะให้มากกว่าความสนุกตื่นเต้น ทั้งๆ ที่นิยายมีตัวละครหลัก ๆ เพียง 2 ตัว แต่ก็เจาะจิตด้านมืดของตัวละครได้อย่างทะลุทะลวง ยากจะบอกได้ว่าช่องว่างระหว่างสีเทากับดำนั้นยังเหลือพื้นที่อีกมั้ย ไม่เฉพาะระหว่างคนกับคน แต่รวมถึงคนกับพรายน้ำตัวเมียที่ทำหน้าที่เยี่ยงทาสในประภาคาร เธอผู้ซึ่งไม่มีทางจะมีความเป็นมนุษย์มากไปกว่าที่เค้าโครงเลือนรางของเธอจะอนุญาตให้เป็น ทุกครั้งที่เธอส่งเสียงร้องเพลงโหยหวน ณ เมื่อนั้นชายทั้งสองรู้ดีว่านั่นคือเพลงกล่อมส่งวิญญาณและชะตาชีวิตของพวกเขากำลังถูกแขวนบนเส้นด้ายเปื่อยยุ่ย

"How many human beings since the beginning of time, since the dawn of man, had suffered the privilege of hearing that music?

ไม่แปลกหากผู้แต่งเรื่อง Cold Skin คือ Albert Sánchez Piñol จะเคยเป็นนักมานุษยวิทยามาก่อน และคงไม่ผิดคาดว่าภาพเปรียบเปรยของหลุมดำในใจคนนี้จะบอกใบ้ถึงเหตุการณ์ในยุคล่าอาณานิคม ซึ่งมีเงื่อนงำให้ย้อนถามความหมายที่แท้จริงของคำว่า “วิวัฒนาการของผู้เจริญแล้ว”

"The landscape we see beyond our eyes tends to be a reflection of what we hide, within us,"

* ปล. : ปกนิยายเล่มที่ซื้อมาชวนให้นึกถึงหนังเยอรมันเรื่อง Fate ของ Fred Kelemen

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

โอ้ว เรื่องมันจี๊ดมากๆ

เอ๊ะ หรือนี่คือภาคต่อของFLICKR /FILMSICK

filmvirus กล่าวว่า...

ถ้าสร้างเป็นหนังขนาด Georges Romero ก็ต้องถอยแน่